วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วันที่ต้อง "จาก" ลังกาวี ของ "ทายาทรุ่นที่ 7 พระนางมะซูรีย์"


       เช้าตรู่วันที่ 8 เดือน 8 พ.ศ. 2528 เด็กหญิงตัวน้อยๆ ลืมตาดูโลกที่โรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต น่าประหลาดที่ท้องฟ้าซึ่งกระจ่างใสอยู่ดีๆ กลับมืดครึ้ม ฝนเทกระหน่ำ ยิ่งไปกว่านั้น วันนั้นทั้งวันในโรงพยาบาลไม่มีเด็กคนไหนคลอดอีกเลย กว่าจะมีเสียงอุแว้ของทารกคนต่อไป ก็จวบจนเวลาเที่ยงคืนขึ้นวันใหม่ไปแล้ว

 นั่นคือต้นกำเนิดของเด็กสาว "เมย์" ศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางเลือดขาว "มะซูรีย์" เจ้าของตำนานเลือดสีขาวผู้ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยไร้ความผิด และร่ายคำสาปให้เกาะลังกาวีตกอยู่ในความทุกข์เข็ญมานานถึง 7 ชั่วคน เมื่อลังกาวีค่อยๆ ฟื้นชีพจากเกาะอันแร้นแค้นกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย แน่นอนว่าคนมาเลย์ต่างพากันกล่าวขานว่าเป็นเพราะการมาถึงของน้องเมย์นั่นเอง

 หากยังจำข่าวเกรียวกราวเมื่อหลายปีก่อนได้ หลายคนคงทราบว่า หลังจากศิรินทราและครอบครัวเข้ารับพิธีขอขมาลาโทษจากเกาะลังกาวี ตั้งแต่ครั้งที่เธออายุ 14 ปี และได้รับคำเชิญจากรัฐบาลให้ไปเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ทั้งยังได้เข้าเฝ้าฯ สุลต่านรัฐเกดะห์แล้วนั้น ก็ดูเหมือนชีวิตของสาวน้อยธรรมดาๆ จะพลิกผันสู่ฐานะเจ้าหญิงในมาเลเซีย 

 เมย์ได้รับทุนการศึกษาให้เล่าเรียนจนจบมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และยังมีคำชวนให้เมย์และครอบครัวไปปักหลักที่นั่น โดยจะมอบบ้านพร้อมที่ดินให้ ไหนจะมีงานสัมภาษณ์ตามสื่อ งานถ่ายแบบนิตยสารมาเลเซียเรียงรายเข้ามาให้เลือก

 แต่ ณ ปัจจุบัน เมย์ ได้ลาออกจากการเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว 2 ปีแล้ว หลังจากมีปัญหากับบริษัทหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งในมาเลเซียซึ่งให้เธอเซ็นสัญญามอบอำนาจในการดูแลผลประโยชน์ให้ โดยขณะนี้ เมย์ศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 จากคำบอกเล่าของคุณแม่ของน้องเมย์ สุนี ยายี ผู้ถือเป็นหนึ่งในเชื้อสายทายาทรุ่นที่ 6 ของพระนางเลือดขาว รวมทั้งตัวน้องเมย์เอง พบว่า ขณะที่เมย์เรียนที่มหาวิทยาลัยนานาชาติอยู่นั้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมย์กลับภูเก็ตเพื่อมาเยี่ยมครอบครัว และมาช่วยจังหวัดประชาสัมพันธ์งาน "ฮาลาล ฟู้ด" แต่บริษัทสื่อดังกล่าวเข้าใจว่า เมย์รับเงินค่าตัวโดยไม่แจ้งให้ทราบ จึงไม่ยอมให้ค่าใช้จ่ายในการเรียนรวมถึงค่าที่พัก ครอบครัวจึงต้องส่งเงินไปให้ และรับตัวน้องเมย์กลับมาเรียนเมืองไทยในเวลาต่อมา

 ด้วยอาชีพขับรถให้นักท่องเที่ยวของคุณพ่อ สุวรรณ ยายี ก็ถือว่าช่วยให้ครอบครัวนี้พอมีกินมีใช้ รวมทั้งส่งเสียให้น้องเมย์เล่าเรียนได้ไม่เดือดร้อน เมย์จึงเลือกเรียน ม.รามคำแหง โดยเลิกพึ่งพิงทุนการศึกษาจากมาเลเซีย ถึงแม้จะมีจดหมายและการติดต่อเรียกร้องให้เธอกลับไปเรียนตามเดิมก็ตาม

 "เราก็อยู่อย่างปกติธรรมดามาตั้งแต่ยังเด็กๆ ถึงเขาจะเสนอบ้าน เสนอที่ดินให้เราไปอยู่ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าจะให้จริงหรือไม่อย่างไร ตอนนั้นเราก็เสียใจเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นกับเรา เอาผลประโยชน์จากเราไปตั้งเยอะ พาไปถ่ายแบบ แต่ไม่ให้ค่าตัว คุณพ่อเลยมารับเมย์กลับบ้าน เมย์คงไม่เอาแล้ว อยู่เมืองไทยดีกว่า" เป็นคำบอกเล่าจากเมย์

 ทายาทพระนางเลือดขาวรุ่นที่ 7 บอกด้วยว่า ที่ผ่านมาตำนานเรื่องพระนางมะซูรีย์บรรพบุรุษของเธอ เป็นที่เล่าสืบทอดกันในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นอยู่แล้ว และมาเลเซียก็มีความพยายามในการตามหาทายาทของพระนางมาโดยตลอด จนเมื่อสืบทราบและค้นพบหลักฐานว่าตระกูลของเธอคือทายาทตัวจริงเสียงจริง ทำให้ครอบครัวของเธอเป็นที่สนใจของคนมาเลย์โดยตลอด ก่อนหน้านี้ คุณน้าของเมย์ก็เคยโดนคนมาเลเซียชวนให้ไปเรียนที่โน่น แต่เมื่อไปจริงๆ ก็กลับโดนยึดพาสปอร์ต ทำให้เข้าประเทศมาเลย์ไม่ได้อยู่หลายปี

 แม้เมื่ออยู่ในเมืองมาเลย์ เมย์จะเป็นคนดัง ได้รับความสนใจอยู่ตลอด ไปไหนมาไหนต้องมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย แต่เมย์ก็ยืนยันว่า การได้อยู่เมืองไทยบ้านเกิดเมืองนอนนี่ล่ะ คือสิ่งที่ดีที่สุด

 "จะว่าเสียดายก็เสียดาย แต่ก็ไม่เป็นไร การไปเรียนที่นั่น ช่วยสอนอะไรเราเยอะมาก สอนให้เราช่วยตัวเอง ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ถ้าหากจะไปเที่ยว เราก็ยังอยากไปอยู่ เมย์ไปที่นั่นบ่อยมากๆ ตั้งแต่สุสานของพระนางมะซูรีย์ยังเล็กๆ อยู่ เดี๋ยวนี้เขามีการขยายใหญ่ขึ้น มีการตั้งโรงละครด้วย ที่กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์เขาก็ดูเจริญกว่าบ้านเรา สนามบินไฮเทค ไปไหนมาไหนสะดวก มีรถไฟฟ้ารอบเมือง แต่อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา คนไทยจริงใจ ไปอยู่ที่โน่นก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แม่สอนเสมอว่าให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ทุกวันนี้ก็พอใจกับที่เป็นอยู่อยู่แล้ว" เมย์ กล่าว

 ขณะที่คุณแม่ของเมย์ เสริมว่า เธอวางอนาคตแค่ว่าขอเพียงให้ลูกสาวเป็นคนดีก็พอ เพราะว่าเมื่อเป็นคนดีแล้ว จะไปอยู่ตรงไหนก็ได้ ทุกวันนี้ครอบครัวยายีก็ยังไปเที่ยวมาเลเซียอยู่เสมอ แต่ก็ไปอย่างเป็นส่วนตัว แม้ถ้าหากแจ้งทางลังกาวีไป จะมีการจัดโรงแรมที่พัก มีการ์ดมาคอยดูแลห้อมล้อมก็ตาม

 "เราจะสอนลูกว่า อย่าไปฟุ้งเฟ้อ ไม่ต้องไปดูคนที่รวยล้นฟ้า ให้ดูคนที่เขาใกล้เคียงกับเราก็พอ แค่มีกินมีใช้ อย่าไปยึดติดกับอะไร เมื่อตายไป เราก็เอาไปได้แค่ผ้าขาวห่อศพเท่านั้น" เป็นคำทิ้งท้ายจากคุณแม่

 อย่างไรก็ดี ในฐานะที่เป็นทายาทพระนางมะซูรีย์รุ่นที่ 7 เมย์ ยืนยันว่า เมื่อมีลูกมีหลาน ก็จะขอเล่าเรื่องพระนางเลือดขาวสืบต่อไป เพราะนี่คือเรื่องราวประจำตระกูลที่ถ่ายทอดมาแล้วถึง 7 ชั่วอายุคนนั่นเอง


ตะลุยเมืองมนตรา.....ลังกาวี...

ท่าเทียบเรือ ก่อนเดินทาง

นั่งเรือไปเรื่อยๆ

ภูมิทัศน์ทั่วไป

หาดทรายดำ

เรือข้ามฟาก



หลุมฝังพระศพของพระนางมัสสุรี

บ่อน้ำที่ไม่มีวันแห้ง แม้แต่ช่วงที่ต้องคำสาป

ชุดของภรรยานายกฯ


สะพานแขวน

บนเคเบิลคาร์
บรรยากาศข้างบน หมอกลงหนามาก

ทางเข้าเคเบิลคาร์

แผนที่ แผนที่ ก็บอกว่าแผนที่่.....

 Egle Square ถ้ามาลังกาวีแล้วไม่แวะที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึง